เกร็ดความรู้ " รู้ทัน - ป้องกัน " ภัยหนาว
ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว บริเวณพื้นที่สูง บนยอดดอย อุณหภูมิเริ่มลดต่ำลงเรื่อยๆ หรือแม้แต่กรุงเทพฯ ได้เริ่มมีลมเย็นให้คนเมืองได้สัมผัสไอหนาวกันบ้างแล้ว ส่วนจะหนาวยาวนานกี่วันนั้น เป็นเรื่องที่คนกรุงยังต้องลุ้นต่อไป
อย่างไรก็ตาม ฤดูหนาวที่มาเยือนนี้ นอกจากภัยสุขภาพแล้ว ก็ยังมีภัยใกล้ตัวอื่นๆ ที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆในฤดูหนาว วันนี้ ศรีกรุงโบรคเกอร์ มีวิธีการป้องกันเพื่อให้รู้เท่าทันรับมือภัยหน้าหนาวปีนี้ ดังต่อไปนี้ค่ะ
1.เลี่ยงอาบน้ำเย็นจัดเสี่ยงช็อก
ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น หรือบริเวณยอดเขาที่มีอุณหภูมิต่ำมาก กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาเตือนว่า ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำที่เย็นจัด เพราะจะเสี่ยงต่อภาวะช็อก ซึ่งภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อร่างกายสัมผัสกับน้ำ หรืออุณหภูมิที่เย็นจัด โดยไม่ได้เตรียมตัวหรือให้ร่างกายปรับตัวก่อน ระบบประสาทจึงมีการตอบสนองอย่างฉับพลัน ทำให้เกิดอาการหายใจลำบาก อีกทั้งความเย็นจัดแบบฉับพลันนี้ จะทำให้เส้นเลือดหดตัวเร็ว ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะไม่เพียงพอ เกิดอาการหมดสติได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำเย็นจัด หรือหากจำเป็นควรเช็ดตัวก่อน หรือค่อยๆ อาบใช้น้ำลูบตัว เพื่อให้ร่างกายปรับตัวก่อน
2.ระวังภัยเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส
หน้าหนาวนี้หลายคนได้ออกเดินทางไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งในบางสถานที่พักได้มีการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส โดยกรมควบคุมโรคได้แนะนำให้ผู้ประกอบการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สให้ได้มาตรฐาน ภายในห้องที่มีการระบายอากาศที่เพียงพอ ติดป้ายเตือน และบอกถึงวิธีการใช้งานอย่างชัดเจน สำหรับผู้ใช้ควรสังเกตอาการที่อาจเกิดขึ้นจากการได้รับแก๊สระหว่างอาบน้ำ เช่น เกิดอาการวิงเวียน หน้ามืด หายใจลำบาก ควรรีบออกจากห้องน้ำ หรือหากได้กลิ่นแก๊สผิดปกติ ควรรีบเปิดประตู ปิดเครื่องทำน้ำอุ่น และออกจากห้องน้ำทันที โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวต้องระวังเป็นพิเศษ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น แต่หากห้องน้ำไม่มีเครื่องระบายอากาศ แนะนำว่าให้เปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที ก่อนที่คนอื่นจะอาบน้ำต่อ หรือหากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติม โทร.สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ได้ตลอดเวลา
3.กินเหล้าแก้หนาว ความเชื่อผิดๆ
จากสภาพอากาศหนาวเย็น บางคนนิยมดื่มเหล้า เพราะมีความเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นร่างกายแก้หนาวได้ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาเตือนแล้วว่าเป็นความเชื่อที่ผิด และเป็นอันตรายต่อร่างกายมาก ได้ย้ำว่าไม่ควรดื่มสุราแก้หนาว เนื่องจากในช่วงแรกร่างกายจะรู้สึกร้อนวูบวาบ จากนั้นอุณหภูมิร่างกายจะลดต่ำกว่าปกติ และสูญเสียความร้อนเร็วขึ้น หากดื่มในปริมาณมากจนเมา และเผลอหลับโดยไม่ห่มผ้า หรือสวมเสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่นเพียงพอ อาจทำให้เสียชีวิตได้
4.ภัยเงียบเสื้อกันหนาวมือสอง
เข้าสู่หน้าหนาวประชาชนส่วนใหญ่มักซื้อเสื้อกันหนาวมาสวมใส่ โดยเฉพาะเสื้อกันหนาวมือสอง สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ในเสื้อกันหนาวมือสองอาจมีเชื้อโรค หากไม่ทำความสะอาดก่อนอาจเกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคกลากเกลื้อน โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังจากพาหะนำโรค เช่น ตัวไร ตัวเรือด เห็บ หมัด และโลน ผู้ซื้อจึงควรสวมผ้าปิดจมูกขณะเลือกซื้อ เพื่อป้องกันการสูดฝุ่นละอองที่มากับเสื้อผ้า หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่ทำจากหนังสัตว์ ประเภทขนฟู เพราะทำความสะอาดยาก อาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้ และควรทำความสะอาดด้วยผงซักฟอก หรือน้ำยาซักผ้า แล้วนำมาต้มในน้ำเดือด หรือน้ำที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที - 1 ชั่วโมง แล้วนำไปตากแดดจัดให้แห้ง ก่อนนำมาสวมใส่ ในส่วนของผู้ขายควรวางเสื้อผ้าไว้บนโต๊ะ ไม่วางกองกับพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีฝุ่นละออง และแมลงชนิดต่างๆ เข้าไปอาศัยในเสื้อผ้าได้
5.อุบัติเหตุทางถนน
ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้แนะนำการเดินทางบนท้องถนนในสภาพอากาศหนาวเย็น โดยให้ผู้ขับขี่ระมัดระวังในการขับรถผ่านเส้นทางที่มีหมอกลงจัด และควันไฟปกคลุม ด้วยการเปิดไฟหน้ารถ ไฟตัดหมอก ไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ ไม่เปลี่ยนช่องทางจราจรกะทันหัน ไม่ขับแซงในระยะกระชั้นชิด หากมีหมอกลงจัดจนมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน ควรจอดรถในบริเวณที่ปลอดภัย เช่น ที่พักริมทาง สถานีบริการน้ำมัน รอจนหมอกบาง จึงค่อยขับรถไปต่อ โดยล่าสุดนี้ สำนักงานกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้จัดทำโครงการ “เปิดไฟหน้ารถ ช่วยลดอุบัติเหตุ” ด้วยการเชิญชวนทุกคนสร้างวินัยจราจรเปิดไฟหน้ารถ เพื่อลดการสูญเสียอุบัติเหตุบนท้องถนน
6. ดูแลสุขภาพรับอากาศหนาว
สภาพอากาศหนาวเย็น ควรดูรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ สวมถุงมือ ถุงเท้า สร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย และหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ รวมถึงดูแลเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นพิเศษ เพราะมีภูมิต้านทานต่ำ ทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย เพราะหากเจ็บป่วยจะมีอาการรุนแรงกว่าคนทั่วไป อีกทั้งไม่ควรนอนในที่โล่งแจ้งโดยไม่สวมเสื้อผ้าหรือห่มผ้า เพราะอากาศที่หนาวเย็นทำให้เลือดไหลเวียนช้า ร่างกายขาดออกซิเจน ส่งผลให้เกิดอาการช็อกและเสียชีวิตได้ หรือการดูแลสุขภาพง่ายๆ ตามแนวคิดของ สสส. คือ ‘3 อ. 2 ส.’ โดย 3 อ. ประกอบด้วย ออกกำลังกายให้เหมาะสมและเพียงพอ วันละ 30 นาที การกินอาหารลดหวาน มัน เค็ม และปรับอารมณ์ให้ไม่เครียดมากเกินไป ขณะที่ 2 ส. คือ ลดการสูบบุหรี่ และลดการดื่มสุรา
หน้าหนาวนี้ การเรียนรู้วิธีปฏิบัติตนอย่างถูกวิธี จะช่วยป้องกันอันตรายและลดผลกระทบจากภัยในช่วงฤดูหนาวได้ ทำให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างปลอดภัยค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.thaihealth.or.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น